โค้งสุดท้ายประหยัดภาษี

ทิสโก้แนะนำ โค้งสุดท้ายประหยัดภาษี ชูกอง RMF หุ้นเอเชีย-จีน เพิ่มโอกาสรับผลตอบแทน โค้งสุดท้ายประหยัดภาษีเดือนนี้ ต้อนรับวันโลกแตกสุดคึกคัก ทิสโก้แนะนำเพิ่มสัดส่วนลงทุนกอง RMF หุ้นเอเชียและจีน เพราะเศรษฐกิจเอเชียและจีนยังเติบโตแข็งแกร่งแต่ราคาหุ้นยังถูก พร้อมเสนอ “กองทุนเปิด ทิสโก้ ไชน่า อินเดีย เพื่อการเลี้ยงชีพ” และ “กองทุนเปิด ทิสโก้ เอเชีย แปซิฟิก เอ็กซ์ เจแปน เพื่อการเลี้ยงชีพ” ตอบโจทย์การลงทุน

TISCO Wealth บริการที่ปรึกษาการเงินการลงทุนครบวงจรจากทิสโก้ โดยนายสาห์รัช ชัฎสุวรรณ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดและที่ปรึกษาการลงทุน ธุรกิจกองทุนส่วนบุคคลและกองทุนรวม บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ทิสโก้ จำกัด (Mr. Saharat Chudsuwan, Senior Vice President, Head of Marketing and Wealth Advisory Mutual & Private Fund Business, TISCO Asset Management Co.,Ltd.) เปิดเผยว่า ตลาดกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) และตลาดกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) ในช่วงปลายปีนี้มีความคึกคักมาก เนื่องจากเป็นช่วงที่นักลงทุนมองหาผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ด้านการประหยัดภาษี อีกทั้งด้วยความโดดเด่นของตลาดหุ้นไทย ที่ดัชนีมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และมีแนวโน้มเติบโตเพิ่มขึ้นในปีหน้า จึงเป็นปัจจัยสนับสนุนให้มีเม็ดเงินลงทุนไหลเข้าลงทุนในกองทุนดังกล่าวเป็นจำนวนมาก

ทั้งนี้เพื่อเป็นการเพิ่มโอกาสรับผลตอบแทนที่ดี TISCO Wealth แนะนำกลยุทธ์ลงทุนในกองทุนประหยัดภาษีด้วยการกระจายพอร์ตลงทุนไปยังกอง RMF ที่ลงทุนในตลาดหุ้นต่างประเทศ นอกเหนือจากตลาดหุ้นไทย โดยเน้นลงทุนในภูมิภาคเอเชีย แปซิฟิก และจีน ซึ่งมีปัจจัยสนับสนุนจากการเติบโตทางด้านเศรษฐกิจที่มีความแข็งแกร่งและโดดเด่นที่สุดในโลก โดยเศรษฐกิจเอเชีย เป็นเศรษฐกิจที่เติบโตสูงสุดทั้งในอดีตที่ผ่านมา และคาดว่าจะเป็นแบบนี้ต่อเนื่องไปอีกอย่างน้อย 2 ปี รวมทั้งเมื่อเปรียบเทียบความแข็งแกร่งของภูมิภาคเอเชีย เทียบกับประเทศอื่นๆ ในกลุ่มตลาดเกิดใหม่ด้วยกัน พบว่า ประเทศในเอเชียอันดับเครดิตสูงกว่าภูมิภาคอื่น รวมทั้งจากความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจคาดว่าโอกาสที่ประเทศในเอเชียจะถูกปรับลดอันดับเครดิตจะเป็นไปได้น้อยมาก อีกทั้งระดับการซื้อขายตลาดหุ้นเอเชีย ปัจจุบันถือว่าอยู่ระดับต่ำ

นอกจากนี้ นักลงทุนได้ให้ความสนใจกับตลาดหุ้นเอเชียมากขึ้น พิจารณาจากปริมาณเงินทุนไหลเข้าเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง สำหรับแนวโน้มในปี 2556 คาดว่ามีจะปรับตัวสูงขึ้น เพราะปริมาณเงินตั้งแต่ต้นปี 2555 ยังคงมีปริมาณซื้อสุทธิที่อยู่ระดับต่ำ อีกทั้งตลาดเอเชียเป็นตลาดที่ Laggard เมื่อเทียบกับภูมิภาคอื่นๆ ทั้งในปี 2555 และในช่วง 3 ปีย้อนหลัง ขณะที่ความแข็งแกร่งในทุกๆ ด้านดีกว่าภูมิภาคอื่น ดังนั้น คาดว่าตลาดหุ้นเอเชียมีความน่าสนใจมากที่สุดเมื่อเทียบกับภูมิภาคอื่น ๆ

โดยตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียที่มีความโดดเด่นมากที่สุดคือตลาดหุ้นจีน โดย TISCO Wealth ยังคงมีมุมมองเป็นบวกต่อภาพการลงทุนในตลาดหุ้นจีน (H-Shares) เนื่องจากเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มขยายตัวขึ้น เป็นตลาดที่ได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลชุดใหม่ รวมทั้งปริมาณสภาพคล่องที่อยู่ระดับสูง อีกทั้งยังมีประเด็นที่คาดว่าจะเป็นส่วนสำคัญที่จะช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจจีนในปีหน้าคือ การเปลี่ยนถ่ายผู้นำของจีนที่จะเสร็จสิ้นในเดือนมีนาคม 2556 ซึ่งเมื่อจีนมีการเปลี่ยนถ่ายผู้นำ เศรษฐกิจมักจะมีการขยายตัวสูงขึ้น โดยปัจจัยขับเคลื่อนหลักมาจากการลงทุนของภาครัฐบาล ซึ่งเป็นนโยบายแรกที่ทางการจีนสามารถทำได้ สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการเน้นการก่อสร้างระบบสาธารณูปโภค เช่น การสร้างรถไฟทั่วประเทศ ส่งผลให้ความเจริญทางเศรษฐกิจจีนขยายไปทางตะวันตกมากขึ้น ทำให้รายได้ของประชาชนสูงขึ้น และการจับจ่ายใช้สอยสูงขึ้นเช่นกัน

นอกจากนี้ คาดว่าภาคการเงินของจีนก็มีแนวโน้มได้รับการกระตุ้นเช่นเดียวกัน หลังจากที่อัตราเงินเฟ้อของจีนไม่เป็นปัญหาอย่างเช่นอดีตที่ผ่านมา และแม้ว่าตลาดหุ้นจีนจะปรับตัวขึ้นและเป็นตลาดฯที่ให้ผลตอบแทนเป็นอันดับต้นๆ ของโลกในช่วง 1-2 เดือนที่ผ่านมา และคาดว่ายังคงมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องในปีหน้า เนื่องจากปัจจุบันมีเม็ดเงินไหลเข้าตลาดหุ้นจีนอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งราคาหุ้นจีนยังคงถือว่าถูกเมื่อเทียบกับประเทศในกลุ่มกำลังพัฒนาด้วยกัน ทั้งๆ ที่ความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจจีนเป็นอันดับต้นๆ ของโลก ดังนั้น คาดว่าตลาดหุ้นจีนยังคงเป็นเป้าหมายต้นๆ สำหรับการลงทุนของนักลงทุนในปีหน้า

“ในปีหน้าแม้การลงทุนในตลาดหุ้นไทยจะเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ แต่เพื่อเป็นการกระจายความเสี่ยงผู้ลงทุนจึงควรมีการกระจายพอร์ตลงทุนไปยังหุ้นต่างประเทศที่มีแนวโน้มดี และราคายังถูก ซึ่งที่โดดเด่นสุดคือตลาดหุ้นเอเชียและจีน ที่แนวโน้มในปีหน้าเศรษฐกิจยังเติบโตได้ต่อเนื่อง และแนวโน้มตลาดหุ้นเริ่มมีสัญญาณที่ดีขึ้น และจะช่วยเพิ่มโอกาสในการสร้างผลตอบแทนจากการลงทุนได้เป็นอย่างดี” นายสาห์รัช กล่าว

โดยกองทุนของ บลจ.ทิสโก้ ที่ตอบโจทย์ลงทุนได้อย่างเหมาะสม ได้แก่ “กองทุนเปิด ทิสโก้ ไชน่า อินเดีย เพื่อการเลี้ยงชีพ” ซึ่งลงทุนในกองทุนรวมอีทีเอฟ (Exchange Traded Fund) ในต่างประเทศที่มีนโยบายลงทุนในหุ้นของบริษัทที่ประกอบธุรกิจในประเทศจีนและอินเดีย และ “กองทุนเปิด ทิสโก้ เอเชีย แปซิฟิก เอ็กซ์ เจแปน เพื่อการเลี้ยงชีพ” ที่ลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุน Lyxor ETF MSCI AC Asia-Pacific ex Japan (กองทุนหลัก) ซึ่งเป็นกองทุนรวมอีทีเอฟที่จดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง โดย MSCI AC Asia-Pacific ex Japan เป็นดัชนีที่อิงกับผลการดำเนินงานของตลาดหุ้นในเอเชียแปซิฟิกยกเว้นญี่ปุ่น

ทั้งนี้ ผู้สนใจ สามารถติดต่อได้ที่ บลจ. ทิสโก้ หรือ ธนาคารทิสโก้ทุกสาขา หรือที่ TISCO Contact Center โทร. 02-633-6000 กด 4